สายพันธ์ุแมว

อะบิสซิเนียน (Abyssinian)



น้องเหมียวรูปร่างเงางามสายพันธุ์นี้อาจดูเหมือนเสือภูเขาขนาดย่อมๆในเวอร์ชั่นที่มีขนสีน้ำตาลแดงแวววาว ซึ่งหากคุณกำลังมองหาสัตว์เลี้ยงที่ดูสง่าผ่าเผยแล้วล่ะก็ คุณน่าจะสนใจเจ้าเหมียวอะบิสซิเนียนซึ่งว่ากันว่ามีศักดิ์เป็นถึงขุนนางชั้นสูงเชียวล่ะ นอกจากมันจะเป็นแมวเลี้ยงสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดสายพันธุ์หนึ่งแล้ว ยังเชื่อกันว่าอะบิสซิเนียนนั้นเป็นแมวที่สืบสายพันธุ์มาจากแมวศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์ ซึ่งมีจารึกตามภาพวาดและรูปปั้นประติมากรรมต่างๆของชาวอียิปต์ แมวอะบิสซิเนียนในปัจจุบันนั้นได้รับการผสมพันธุ์อย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้สี ลวดลาย และประเภทตามที่ต้องการ พวกมันมีลำตัวที่เรียวยาว ดูเหมาะสมกับดวงตาขนาดใหญ่และขนปกคลุมร่างกายที่ดูแข็งแรง ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดลักษณะหนึ่งของแมวสายพันธุ์นี้คือ ดวงตาของมันที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาที่จ้องมองมัน ยังไม่เพียงเท่านั้น น้องเหมียวอะบิสซิเนียนยังมีนิสัยคล้ายคลึงกับเสือดำเวลาเล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกับคนอีกด้วย นอกจากนี้แมวอะบิสซิเนียนยังมีท่าทางที่สง่างามเหมือนกับนักเต้นรำ และยังเป็นแมวที่รักเจ้าของและมีนิสัยอ่อนโยนอีกด้วย ตราบใดที่มันได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ แมวสายพันธุ์นี้ก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่สุดวิเศษ โดยปกติแล้วแมวสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยชอบส่งเสียงนัก แต่จะชอบปีนป่ายมากกว่า ดังนั้นคุณต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เวลาเลี้ยงด้วย และที่ควรระวังคือ น้องเหมียวสายพันธุ์นี้ไม่ชอบถูกจับใส่กรง ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการจับมันใส่กรงเลยล่ะ

บาหลี (Balinese)



แมวบาหลีเป็นแมวที่กระตือรือร้นและ “ช่างพูดช่างคุย” เป็นอย่างยิ่ง และยังชอบเดินตามเจ้าของพร้อมคอยแจกความรักให้กับคนที่พบเจอเวลามันเดินไปไหนต่อไหนอีกด้วย! น้องเหมียวขนยาวพันธุ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลแมวที่มาจากประเทศทางฝั่งตะวันออก และได้รับการพัฒนามาจากลูกแมวพันธุ์ขนยาวที่พบตามครอกลูกแมวสยามในสหรัฐอเมริกา รูปร่างและการเคลื่อนไหวที่สง่างามของน้องเหมียวสายพันธุ์นี้เป็นตัวจุดประกายที่มาของชื่อสายพันธุ์พวกมัน นั่นก็เพราะว่ามันทำให้ผู้ที่เพาะเลี้ยงมันนั้นนึกถึงนักเต้นรำท้องถิ่นที่อยู่บนเกาะบาหลีนั่นเอง แมวบาหลีนั้นเป็นแมวขนาดกลางที่มีรูปร่างยาวเรียวเหมือนกับแมวสยาม แต่ร่างผอมยาวของมันนั้นถูกปกคลุมไปด้วยขนยาวนุ่มที่ถึงแม้ว่าตัวมันจะยาว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งขนอะไรมากเหมือนกับแมวสายพันธุ์ที่มีขนยาว นอกจากนี้ ที่จริงแล้ว ขนที่สวยงามและหางที่ยาวปุกปุยของมันแทบจะเป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่ทำให้มันแตกต่างไปจากแมวสยาม สำหรับตาของมันนั้นมีรูปร่างคล้ายเมล็ดอัลมอนด์สีฟ้า ส่วนลำตัวของมันอาจจะมีลวดลายสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สีฟ้า ม่วงแดง และช็อกโกแลต สำหรับคนที่อยากจะเลี้ยงแมวที่กระตือรือร้นตลอดเวลานั้น แมวบาหลีเป็นทางเลือกที่ใช่เลยสำหรับคุณ เพราะเป็นแมวที่มีชีวิตชีวา ขี้เล่น สวยงามและเป็นเพื่อนเล่นที่ชื่นชอบการอ้อนหรือนั่งอยู่บนตักของเจ้าของอย่างที่สุด

เบงกอล (Bengal)



แมวเบงกอลนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวหลายชนิด อาทิ อะบิสซิเนียน อเมริกันขนสั้น เบอร์มีส อียิปต์เชียนมัวร์ และแมวเสือดาวเอเชีย ในช่วงระหว่างปียุค 60 นั้น บรรดานักวิจัย อาทิ ช็อง มิลส์ในแคลิฟอเนีย ได้ทำการศึกษาโรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับแมว เช่น โรคลูคิเมียและโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ระหว่างการทำวิจัยนั้น ก็ค้นพบว่าแมวป่า เช่นสิงโตหรือเสือนั้นมีภูมิต้านทานต่อโรคบางชนิด แมวเสือดาวเอเชียจึงได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวบ้านธรรมดาเพื่อศึกษาว่าระบบภูมิคุ้มกันนั้นมีการทำงานในการต่อต้านโรคเหล่านี้ได้อย่างไร จากนั้นในปี 1963 คุณนายมิลส์ ก็ได้ทำการผสมพันธุ์แมวเสือดาวเอเชียตัวเมียกับแมวบ้านสีดำตัวผู้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือ ลูกแมวที่มีทั้งสีเดียวล้วนและมีลายจุด ซึ่งต่อมา หนึ่งในลูกแมวลายจุดตัวเมียนั้นก็ได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวที่เป็นพ่อของมัน และลูกที่ออกมาครอกนั้นเป็นลูกแมวลายจุดทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของแมวเบงกอล ด้วยเหตุนี้น้องเหมียวเบงกอลจึงเป็นแมวสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เพราะเป็นแมวลายจุดเพียงสายพันธุ์เดียวที่สืบเชื้อสายมาจากแมวป่าขนาดใหญ่ซึ่งก็คือ แมวเสือดาวเอเชีย นอกจากนี้ เป้าหมายในการพัฒนาแมวเบงกอลขึ้นมานั้นก็เพื่อสร้างแมวที่มีลักษณะคล้ายกับบรรพบุรุษของมันซึ่งเป็นแมวป่า แต่สามารถนำมาทำเป็นแมวเลี้ยงได้ น้องเหมียวเบงกอลในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีความพิเศษ น่าสนใจ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้โชคดีที่ได้พบเจอมัน ยิ่งไปกว่านั้น สีสันและลวดลายที่งดงามของมันนั้นทำให้มันเป็นสายพันธุ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น น้องเหมียวอารมณ์ดีสายพันธุ์นี้ยังเหมาะสมกับผู้เลี้ยงเกือบทุกประเภทและอยู่ได้เกือบทุกสถานการณ์อีกด้วย แต่ต้องจำไว้อย่างว่า แมวเบงกอลเป็นแมวที่ซุกซน กระตือรือร้น และขี้เล่นมาก และยังชอบทำตัวเป็นเจ้านายเสียด้วย ดังนั้นก็ควรมีใครที่สามารถดูแลและรับมือเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ได้อย่างเหมาะสม! นอกจากนี้ แมวเบงกอลยังเฉลียวฉลาด และสอนพวกคำสั่งพื้นฐานได้ง่าย คุณสามารถปล่อยให้พวกมันเดินนำไปได้เลย เพราะพอเรียก มันก็จะมาหาคุณเองทันที เหมือนกับแมวตัวอื่นๆที่มาหาเจ้าของอย่างกับมี “โทรจิต” นั่นเอง ถ้าคุณอยากเลี้ยงแมวที่เป็นมิตร น่ารักน่าชัง และมีประวัติความเป็นมาที่ไม่เหมือนใครแล้วล่ะก็ อย่าได้มองข้ามน้องเหมียวอัศจรรย์พันธุ์นี้เด็ดขาด

เบอร์แมน (Birman)



ด้วยความที่เป็นแมวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ใครๆก็ต่างตกหลุมรักแมวเบอร์แมนหรือ “แมวศักดิ์สิทธิ์แห่งพม่า” ตามที่เป็นที่รู้จักกันในประเทศถิ่นกำเนิดของมัน เจ้าแมวสายพันธุ์นี้มีท่าทางที่สง่างามและ “ปกคลุม” ด้วยขนสีจาง มีใบหน้า หู หางและขาสีเข้ม และ “อุ้ง” สีขาวที่เท้าของมัน น้องเหมียวเบอร์แมนมีดวงตาสีน้ำเงินไพลินเข้ม อันที่จริงแล้วแมวสายพันธุ์นี้ถือกำเนิดมาจากตำนานเรื่องดังที่บรรยายอธิบายเกี่ยวกับสีที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกมัน โดยเรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตมีแมวสีขาวบริสุทธิ์อาศัยอยู่ที่วัดเหล่าซุนในพม่า แต่มีอยู่คืนหนึ่ง มีคนบุกรุกเข้ามาในวัดและสังหารพระที่อาวุโสที่สุดในวัดไป เจ้าแมวสีขาวบริสุทธิ์ของเขาที่ชื่อว่า สิงห์ กระโดดขึ้นไปบนตัวของเจ้านายมัน และวิญญาณของพระรูปนั้นก็เข้าไปอยู่ในตัวแมว ทันใดนั้นเองขนสีขาวของมันก็กลายเป็นสีทอง (คล้ายกับเทพีของวัด) ส่วนขา หน้า หู และหางนั้นก็กลายมาเป็นสีดิน แต่อุ้งเท้ายังคงสีขาวไว้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ แหม มีที่มาที่ไปที่แสนจะโรแมนติกอย่างนี้ ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากเลี้ยวน้องเหมียวพันธุ์นี้! ถึงแม้ว่าการดูแลตัดแต่งขนอยู่เป็นประจำจะเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่โดยปกติแล้ว ขนของแมวพันธุ์นี้ จะมีลักษณะเหมือนใยไหมมากกว่าปุยๆ และไม่ค่อยพันกันยุ่งเหยิง จึงทำให้ง่ายต่อการดูแล แมวสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยเสียงดังนักและกระตือรือร้นกว่าแมวเปอร์เซียมาก แต่ก็ยังน้อยกว่าแมวสยาม โดยรวมน้องเหมียวเบอร์แมนนั้นเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับเด็กๆหรือใครก็ตามที่อยากเลี้ยงสัตว์แปลกใหม่ไว้ในบ้าน


บริติชขนสั้น (British Shorthair)



แมวบริติชขนสั้น หรือแมวซิลเวอร์แท็บบี้ มีร่างกายที่แข็งแรง กำยำ มีขนสั้น และได้รับการพัฒนาขึ้นในยุโรปมาจากแมวพันธุ์ทาง แมวสายพันธุ์บริติชขนสั้นในยุคแรกๆและแมวสายพันธุ์ชาร์เทรอของฝรั่งเศสนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน และบรรดานักผสมพันธุ์แมวต่างก็คิดว่าแมวสองสายพันธุ์นี้จริงๆแล้วเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ทุกวันนี้ นักผสมพันธุ์แมวได้ดูแลการผสมพันธุ์แมวเป็นอย่างดีเพื่อพัฒนาให้ทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความแตกต่างกันชัดเจน แมวสายพันธุ์บริติชขนสั้นได้ถูกนำไปแสดงในงานที่อาคาร Crystal Palace อันโด่งดังในปี 1895 และในตอนแรกผู้คนต่างก็หลงรักน้องเหมียวสายพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก ก่อนที่แมวเปอร์เซียจะกลายมาเป็นจุดสนใจในภายหลังแทน จากนั้นแมวบริติชขนสั้นก็ไม่ได้เป็นที่สนใจมากนักในเวลาต่อมาจนถึงในช่วงปียุค 30 เมื่อมีนักผสมพันธุ์แมวกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจกับแมวสายพันธุ์นี้ ทางฝั่งสหรัฐอเมริกานั้น ในช่วงแรกๆ แมวสายพันธุ์นี้ ถูกเรียกว่า แมวสายพันธุ์บริติชบลูส์ เพราะผู้คนเคยเห็นแค่แมวพันธุ์นี้ที่เป็นสีฟ้าและไม่ได้มีการกำหนดรูปร่างของแมวที่ชัดเจนเหมือนในปัจจุบัน แมวบริติชขนสั้นเป็นแมวที่มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ร่างกายแข็งแรง กำยำ มีหางหนา เจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ยังเป็นแมวที่รักอิสระและก็น่ารักมากเช่นกัน พวกมันชอบอยู่กับผู้คนและชอบติดตามเจ้าของไปรอบๆบ้าน ขนของพวกมันนั้นง่ายต่อการดูแลเพราะไม่ค่อยพันกันยุ่งเหยิงแต่ก็ควรหวีขนมันเบาๆบ้าง น้องเหมียวสายพันธุ์นี้จึงเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับครอบครัวหรือคนที่อยู่คนเดียว

เบอร์มีส (Burmese)



แมวเบอร์มีสนั้นมีรูปร่างที่ไม่เหมือนใครและมีนิสัยท่าทางน่ารักเป็นที่สุด! แมวพันธุ์นี้เป็นแมวอารมณ์ดี รักเจ้าของ ขี้เล่นและชอบอยากรู้อยากเห็นไปตลอดช่วงชีวิตของมัน ซึ่งทำให้เป็นเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะมากสำหรับเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่นให้กับเด็กๆ ต้นตระกูลของแมวพันธุ์นี้มีประวัติยาวนานถึง 400 ปี แต่แมวเบอร์มีสที่พวกเราคุ้นเคยกันนั้นมีจุดเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี 1920 นั้นได้มีการผสมพันธุ์กันระหว่างแมวสยามและแมวจากพม่า แมวสายพันธุ์นี้เป็นเพียงสายพันธุ์เดียวที่มีสีน้ำตาลตามธรรมชาติ มีขนสั้นเงางาม และมีลักษณะขนแบบผ้าซาตินสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีทอง น้องเหมียวสายพันธุ์นี้มีสีอื่นๆเช่นกันตั้งแต่สีแดงและสีครีมไปจนถึงสีม่วงแดงและสีกระดองเต่า ยิ่งไปกว่านั้น น้องเหมียวเบอร์มีสยังมีรูปร่างสง่างามและไม่เหมือนใคร และมีร่างกายพร้อมกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ซึ่งทำให้แมวเบอร์มีสนั้นมีน้ำหนักสูงถ้าเทียบกับขนาดของมันอย่างน่าตกใจ พวกมันมีร่างกายยาว บริเวณอกและใบหูเป็นทรงกลม และมีเท้าขนาดเล็ก บ่อยครั้งที่เจ้าเหมียวพันธุ์นี้จะถูกเรียกว่าเป็น “แมวสุนัข (dogcat)” เพราะว่าพวกมันชอบเล่นเกมส์ต่างๆและยังฝึกให้ไปคาบของกลับมาได้ง่ายเหมือนกับสุนัขอีกด้วย นอกจากนี้ แมวสายพันธุ์นี้ยังเฉลียวฉลาด น่ารัก ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมาก และยังชอบส่งเสียงอีกด้วย แต่โดยรวมแล้วก็ยังส่งเสียงน้อยกว่าแมวสยาม เหมียวเบอร์มีสชอบอยู่ร่วมกับแมวตัวอื่นๆหรือแม้กระทั่งสุนัข และชื่นชอบการอยู่ร่วมกับผู้คนและการได้เป็นจุดสนใจอีกด้วย

เบอร์มิลลา (Burmilla)



แมวเบอร์มิลลาแสนสวยนี้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศอังกฤษในปี 1981 ซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์กันโดยบังเอิญระหว่างแมวชินชิลลาเปอร์เซียตัวผู้และแมวเบอร์มีสสีไลลักตัวเมีย ลูกที่ออกมานั้นเป็นที่ชื่นชอบและได้ผลที่น่าประทับใจมากมากจนบรรดานักผสมพันธุ์ตัดสินใจว่าให้ดำเนินการผสมพันธุ์สายพันธุ์นี้ต่อไป แมวเบอร์มิลลานั้นเป็นแมวที่มีลักษณะและรูปแบบนิสัยแบบแมวเบอร์มีสแต่มีลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของมันก็คือขนที่เงางามแวววาวหรือเป็นลวดลายงดงาม สีพื้นของตัวมันเป็นสีขาวเงินล้วน ในขณะที่รอบดวงตามของมันมีสีเข้ม ซึ่งตัดกับสีขนอย่างชัดเจนและทำให้ดูคล้ายกับว่ามันใช้มัสคาร่า น้องเหมียวเบอร์มิลลารูปร่างสง่างาม ขนาดกลาง มีร่างกายที่กำยำ ขายาวแข็งแรง และหางยาวหนาพอสมควร หัวเป็นทรงรูปลิ่มขนาดกลางพร้อมด้วยใบหูขนาดใหญ่ พวกมันมีจมูกสั้นและดวงตาขนาดใหญ่ที่แสดงออกถึงอารมณ์อย่างชัดเจน เนื่องจากแมวสายพันธุ์เบอร์มิลลานั้นเป็นพาหะของยีนขนยาวที่มาจากแมวชินชินลา ลูกแมวที่ออกมาจึงอาจมีขนยาวเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง แต่ขนยาวเหล่านั้นนั้นจะไม่ค่อยพันกันยุ่งเหยิงและแทบจะไม่ต้องตัดแต่งอะไรเลย แมวเบอร์มิลลาเป็นแมวที่มีนิสัยสบายๆ และเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักในครอบครัว พวกมันมีนิสัยกระตือรือร้นและรักเจ้าของ ทำให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ยากที่ดีทีเดียว

ชินชิลล่า (Chinchilla)



น้องเหมียวเปอร์เซียแสนหรูนั้นปกติจะเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของบรรดาผู้รักแมวมากมาย แต่แมวชินชิลล่านั้นเป็นแมวที่สวยงามโดดเด่นจากขนสีเงินเงางาม ซึ่งทำให้มันแตกต่างจากแมวเปอร์เซียทั่วไปที่ดั้งเดิมแล้วมาจากประเทศตุรกีและมักมีขนหนาสีขาว น้องเหมียวชินชิลล่านั้นเป็นแมวขนาดใหญ่ที่อบอุ่น เป็นมิตรกับมนุษย์ มีรูปร่างเป็นทรงคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมใบหน้าแบนทรงกลม และใบหูขนาดเล็ก พวกมันมีดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงคล้ายกับลวดลายบนตัวมัน นอกจากนี้ ขนของมันยังมีความงดงามคล้ายใยไหม และยังมีหางเป็นพู่ๆที่โดดเด่นอีกด้วย โดยภาพรวมแล้ว แมวสายพันธุ์นี้มีสีขาวพร้อมลายสีดำที่ทำให้ตัวมันดูเป็นประกาย หนึ่งในน้องเหมียวชินชิลล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดนั้นเป็นที่รู้จักกันว่า Silver Lambkin และยังเชื่อกันว่าแมวตัวดังกล่าวนี้เป็นต้นกำเนิดของโทนสีที่สวยงามโดดเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ ตัวมันเองนั้นได้รับรางวัลใหญ่ๆมากมายในงานแสดงที่ Crystal Palace ในกรุงลอนดอนเมื่อปี 1888 เจ้าเหมียวแสนสวยตัวนี้มาจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ พวกมันมีนิสัยชอบเข้าหาคนอื่นมากกว่าแมวเปอร์เซียพันธุ์อื่นๆ และพวกมันยังมีเสียงที่ไพเราะอีกด้วย โดยปกติแล้วน้องเหมียวชินชิลล่าสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆที่พวกมันไปอยู่ได้อย่างรวดเร็วอีก และมีนิสัยแบบชิลๆ สบายๆ ดังนั้นแมวพันธุ์นี้จึงเหมาะมากสำหรับครอบครัวที่มีเวลาแปรงหรือหวีขนให้มันเป็นประจำทุกวันเลยล่ะ

คอร์นิชเรกซ์ (Cornish Rex)



แมวคอร์นิชเรกซ์ นั้นเกิดขึ้นในช่วงยุคปี 50 ในเมืองคอร์นวอล ประเทศอังกฤษ หลังจากที่ชาวนาในเมืองนั้นพบว่าแมวของเขานั้นออกลูกแมวที่มีขนม้วน เขานำเจ้าลูกแมวตัวนั้นไปให้สัตว์แพทย์ดู ซึ่งก็ได้แนะนำให้เขานำแมวตัวนั้นไปผสมพันธุ์กับแม่ของมันอีกรอบ ผลลัพธ์ที่ออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับชาวนาคนนั้นเป็นอย่างมาก เพราะลูกแมวครอกใหม่ที่ออกมาล้วนแต่มีขนม้วนๆกันหมดเลย น้องเหมียวคอร์นิชเร็กซ์นี้นอกจากจะดูเก๋ไก๋แล้วยังมีร่างกายที่ผอมเพรียวและมีมัดกล้าม นอกจากนี้น้องเหมียวสายพันธุ์นี้ยังมีจมูกสไตล์โรมันและเส้นขนที่ขดเป็นลอนซึ่งดูโดดเด่นและให้ความรู้สึกเหมือนกับขนกำมะหยี่ ยิ่งไปกว่านั้น ขนแบบเจ้าเหมียวพันธุ์ยังมีลักษณะคล้ายกับขนของ “สุนัขพุดเดิ้ล” ซึ่งไม่ค่อยมีสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้และไม่ต้องได้รับการดูแลอะไรมาก น้องเหมียวพันธุ์จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่อยากเลี้ยงน้องเหมียวไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา เพราะไม่อย่างนั้น คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสเลี้ยงแมวหรือได้ลิ้มรสความสุขและความอบอุ่นที่เหล่าน้องเหมียวนำมาให้กับเจ้าของของมัน นอกจากนี้ บรรดาเหมียวๆคอร์นิชเร็กซ์ยังน่ารัก เฉลียวฉลาด กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา แถมยังขี้เล่นอีกด้วย พวกมันชอบอยู่กับผู้คนและชอบเป็นจุดสนใจของคนอื่น และพวกมันยังรักเจ้าของ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเสน่ห์สำหรับเด็กๆและผู้สูงอายุอีกด้วย ทว่าพวกมันเป็นสัตว์ขี้เบื่อนะ ดังนั้นคุณต้องหมั่นหาของเล่นให้มันเล่นเยอะๆ ถ้าหากว่าคุณจะไม่อยู่บ้านเป็นระยะเวลานานๆ เช่นต้องไปทำงาน แต่โดยปกติแล้วแมวสายพันธุ์นี้จะเข้ากับแมวตัวอื่นหรือสุนัขต่างๆซึ่งอยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้ดี คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าพอได้เลี้ยงแมวคอร์นิชเรกซ์แล้ว ก็ไม่อยากกลับไปเลี้ยงพันธุ์อื่นอีกเลย

เดวอนเรกซ์ (Devon Rex)



เจ้าเหมียวเดวอนเรกซ์นั้นแตกต่างสุดขั้วกับสายพันธุ์อื่นๆ และเป็นเหมือนกับ “เอเลียน” ในโลกแมวเหมียว ด้วยความที่พวกมันมีขนสั้นและใบหน้าที่มีแก้มใหญ่ ในขณะที่ใบหูของพวกมันอยู่ในระดับต่ำเหมือนกับค้างคาวพร้อมด้วยรูปร่างที่ดูสมส่วนกำลังพอดี แต่ก็อย่าได้คิดเชียวล่ะว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้แมวสายพันธุ์นี้ไม่มีเสน่ห์ เพราะพวกมันนั้นมีนิสัยซุกซน ขี้แกล้ง ราวกับเป็นภูตพิกซี่แปลงตัวมาเลยล่ะ! แมวสายพันธุ์นี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษในปี 1960 ใกล้กับเขตคอร์นวอลซึ่งเป็นที่ที่ลูกแมวคอร์นิชเรกซ์ตัวแรกได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1950 แมวสายพันธุ์เดวอนเรกซ์นั้นเป็นแมวที่เฉลียวฉลาดและชอบเข้าสังคม ซึ่งทำให้มันน่ารักและเหมาะจะเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของคุณ ถ้าได้เลี้ยงแมวเดวอนเรกซ์ คุณก็เหมือนกับได้เพื่อนไปตลอดชีวิตคุณเลยนั่นแหล่ะ! พวกมันจะสั่นหางเวลาดีใจ ซึ่งก็บ่อยอยู่แล้ว และพวกมันยังกระตือรือร้น ว่องไว และอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้นิสัยของมันเหมือนกับบรรดาภูติพิกซี่ไปกันใหญ่ นอกจากนี้พวกมันยังเหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่แพ้ขนสัตว์หรือเป็นภูมิแพ้อีกด้วยเพราะขนของมันมีลักษณะคล้ายขนของสุนัขพุดเดิ้ลซึ่งไม่ค่อยมีสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้เสียเท่าไหร่ และยังไม่ต้องดูแลอะไรมากอีกด้วย เพราะขนพวกมันก็ไม่ค่อยร่วงนัก สิ่งเหล่านี้จึงทำให้พวกมันเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้เป็นอย่างมาก และด้วยความที่ขนของมันไม่ต้องดูแลมาก คนเลี้ยงจึงไม่จำเป็นต้องหามาตรการป้องกันหรือดูแลขนเหมือนกับขนแมวโดยทั่วไป

ม็อกกี้ (Moggie)



แมวเลี้ยงที่เป็นรู้จักกันทั่วไปว่าแมว “ม็อกกี้” นั้นเป็นแมวที่พบได้มากที่สุดตามบ้านเรือนทั่วประเทศอังกฤษ แมวม็อกกี้ไม่ได้เป็นแมวสายพันธุ์พิเศษแต่อย่างใด แต่สืบสายพันธุ์มาจากแมวป่าแอฟริกันที่มีมาตั้งแต่ราว 8,000 ปีก่อนคริสตกาล และพบได้ในเกือบทุกที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่ ปกติแล้วแมวแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะนิสัยบางอย่างเฉพาะตัว แต่แมวม็อกซี่นั้นจะไม่มีนิสัยเฉพาะตัวเช่นนั้น และด้วยการที่พวกมันเกิดจากการผสมพันธุ์แบบตามมีตามเกิด พวกมันจึงไม่มีรูปร่างหน้าตาหรืออุปนิสัยที่ชัดเจน พวกมันมีนิสัยรักอิสระและมีรูปแบบขนและสีที่หลากหลาย ปกติแล้วแมวทุกตัวต้องได้รับการตัดแต่งขน แต่เพราะว่าแมวม็อกกี้มียีนขนสั้น จึงไม่จำเป็นต้องตัดแต่งขนมันเท่าไหร่นัก เว้นแต่จะแปรงขนเพื่อป้องกันการเกิดก้อนขนต่างๆ จากที่บรรยายมานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า น้องเหมียวม็อกกี้นั้นเป็นแมวประเภทที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก ชอบอยู่ร่วมกับผู้คน และยังชอบติดตามตามเจ้าของไปรอบๆบ้านอีกด้วย พวกมันจึงเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับทั้งคนที่อยู่กันเป็นครอบครัวและคนที่อยู่คนเดียว ... รวมๆแล้ว พวกมันเป็นน้องเหมียวที่มีเอกลักษณ์อย่างแท้จริง

เอ็กโซติกขนสั้น (Exotic Shorthair)



ถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากจะเลี้ยงและใช้ชีวิตร่วมกับแมวที่มีหน้าตาเหมือนกับ “นักแสดงหนัง” แล้วล่ะก็ น้องเหมียวเอ็กโซติกขนสั้นจะตอบโจทย์คุณแน่นอน! ในมุมมองของผู้ที่ชื่นชมแมว เอ็กโซติกขนสั้นนั้น พวกมันเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “แมวเปอร์เซียสะดวกเลี้ยง” ด้วยความที่พวกมันมีขนคล้ายกำมะหยี่ที่ไม่ต้องดูแลอะไรมากนักและยังมีหลากหลายสีที่สวยงามอีกด้วย นอกจากนี้พวกมันยังมีลักษณะรูปร่างน่ารักเหมือนกับลูกแมว ซึ่งถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ผู้คนชื่นชอบมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้พวกมันยังดวงตากลมโต ใบหูขนาดเล็ก ใบหน้าเรียบแบน และจมูกรั้นขนาดเล็กซึ่งทำให้หน้าของพวกมันดูอ่อนหวานแสนจะเย้ายวนใจเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่พวกมันมีเป็นสัตว์ขี้เล่น ชอบอยากรู้อยากเห็น และมีนิสัยแบบสบายๆ น้องเหมียวเอ็กโซติกขนสั้นจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงเอาไว้ในบ้าน แต่ แม้ว่าพวกมันจะชอบอยู่ร่วมกับผู้คน แต่บางครั้งก็ชอบอยู่ตัวคนเดียวเหมือนกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเลยสำหรับคนชอบเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ ดังนั้นแมวสายพันธุ์เอ็กโซติกขนสั้นจึงเป็นแมวที่สามารถปรับตัวได้ดีแล้วพร้อมที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆก็ได้ โดยเฉพาะถ้ามันได้อยู่ในบ้านอย่างสุขสบายอยู่แล้ว

หางกุดญี่ปุ่น (Japanese Bobtail)



ตามบันทึกในช่วงยุคแรกเริ่มนั้น ประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีแมวเลี้ยงซึ่งได้รับจากประเทศจีนหรือเกาหลีมาอย่างน้อยเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว แมวหางกุดญี่ปุ่นนั้นมีปรากฏในประเทศญี่ปุ่นมาแล้วหลายศตวรรษ และพวกมันไปปรากฏตัวตามภาพวาดหรือลายพิมพ์ต่างๆมากมาย แมวหางกุดญี่ปุ่นขนยาวนั้นสามารถพบได้ในประเทศแถบตะวันออกมาแล้วหลายศตวรรษเช่นเดียวกับแมวหางกุดญี่ปุ่นขนสั้น แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่แข็งแรง สุขภาพดี และมักจะมีลูกครอกละ 3-4 ตัว โดยที่ลูกๆของพวกมันที่มักจะมีขนาดตัวใหญ่หากเทียบแมวเกิดใหม่สายพันธุ์อื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับแมวสายพันธุ์อื่นๆแล้ว เจ้าเหมียวหางกุดญี่ปุ่นในช่วงแรกๆ จะกระตือรือร้น ชอบเดินไปเดินมา หรือแม้แต่ทำให้เจ้าของปวดหัวไปตามๆกัน ลูกแมวที่เกิดมานั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหางนะ แต่ก็ไม่ถึงกับมีหางซะทีเดียว โดยปกติแล้ว เจ้าลูกแมวเหล่านี้จะคล่องแคล่ว เฉลียวฉลาด และก็ช่างส่งเสียง ซึ่งพวกมันมีเสียงที่แสนจะอ่อนนุ่มและยังมีหลายโทนอีก ว่ากันว่ามีเจ้าของบางคนสาบานเลยว่า เจ้าลูกเหมียวเหล่านั้นน่ะ ร้องเพลงได้ นอกจากนี้ แมวสายพันธุ์นี้ยังเหมือนกับ ”สุนัข” ในบางเรื่องอีกด้วย อย่างเช่น ชอบใช้ปากคาบสิ่งของ เล่นเกมส์ไล่จับกับเจ้าของ แล้วยังชอบโผเข้าหาทุกอย่างที่ขวางหน้า ซึ่งก็น่าตื่นเต้นเวลาเห็นเจ้าเหมียวเหล่านี้จริงๆ แมวสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยตกใจง่ายๆ และยังปรับตัวเข้าหาสุนัขและสัตว์อื่นๆ และยังเข้ากับเด็กๆได้ดีเป็นพิเศษอีกด้วย ปกติแล้วนักผสมพันธุ์แมวจะเริ่มขายลูกแมวสายพันธุ์นี้ตอนที่พวกมันมีอายุระหว่าง 12-16 สัปดาห์ หลังจากพ้น 12 สัปดาห์ไปแล้ว ลูกแมวควรได้รับการฉีดยาขั้นพื้นฐานให้เรียบร้อย และควรได้รับการพัฒนาด้านร่างกายและทักษะการเข้าสังคมสำหรับการย้ายไปอยู่บ้านใหม่อย่างสม่ำเสมอ สำหรับการทำให้น้องเหมียวสายพันธุ์นี้มีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดี และมีความสุขนั้น ก็หมั่นให้มันเล่นของเล่นต่างๆ มีที่ลับเล็บให้มันใช้ และก็มี “ตัวคุณ” ไว้ให้มันอ้อนนั่นแหล่ะ

โคราช (Korat)



แมวโคราชนั้นถือเป็นแมวที่เก่าแก่ที่สุดในโลกสายพันธุ์หนึ่ง และเป็นที่รู้จักกันในประเทศไทยว่า “แมวสีสวาด” (แมวศักดิ์สิทธ์ที่นำมาซึ่งโชคลาภ) ขนที่มีลวดลายสีเงินของแมวโคราชนั้นเป็นที่เลื่องลือในตำนานมากเพราะเชื่อกันว่ามันสื่อถึงความมั่งคั่งสำหรับบรรดาพ่อค้า เมฆฝนสำหรับบรรดาชาวไร่ชาวนา และชีวิตสมรสที่มีความสุขสำหรับบรรดาเจ้าสาว ในประเทศไทยนั้น มีธรรมเนียมการมอบแมวโคราชสองตัวให้กับเจ้าสาวในวันแต่งงานด้วย นอกจากทวีปเอเชียแล้ว แมวสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในช่วงต้นยุค 50 ก่อนที่จะเดินทางไปถึงประเทศอังกฤษในช่วงยุค 70 แม้แต่ทุกๆวันนี้ น้องเหมียวสีสวาดก็ยังได้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดในนานาประเทศของทั้งสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเลยทีเดียว แมวโคราชนั้นมีขนสีฟ้าสวยงาม ดวงตาของพวกมันมีขนาดใหญ่ โดดเด่น มีสีเขียวเรืองแสง หรือสีเขียวอมทอง ที่ลุกวาวและสื่ออารมณ์ชัดเจน น้องเหมียวสีสวาดยังเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด และฝึกให้ไปเอาของเล่น หรือแม้แต่เดินโดยมีเชือกจูงได้ง่ายอีกด้วย แต่แมวสายพันธุ์นี้ก็จะแสดงให้คุณรับรู้ชัดเจนนะว่า มันชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่คุณรับรู้ความต้องการของมันช้า แมวโคราชนั้นเป็นแมวที่สวยงาม และมีนิสัยอ่อนโยนและเฉลียวฉลาดโดยธรรมชาติ ซึ่งทำให้มันสามารถสร้างความผูกพันกับเจ้าของได้อย่างใกล้ชิดเลยล่ะ ถึงแม้ว่า แมวสายพันธุ์นี้จะเหมาะกับแทบทุกบ้าน แต่เจ้าของก็ควรตระหนักว่าน้องเหมียวสายพันธุ์นี้ก็ต้องการ พื้นที่ส่วนตัว บ้างเป็นบางเวลา ดังนั้นก็ควรมีที่เงียบๆให้มันได้ “หลีกหนีจากความวุ่นวายต่างๆ” บ้างนะ

เมนคูน (Maine Coon)



แมวเมนคูนนี้มีต้นกำเนิดมาจากทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา และเคยเป็นสัตว์ป่ามาก่อน อีกทั้งยังมีตำนานมากมายกล่าวถึงเจ้าแมวยักษ์ใหญ่นี้อีกด้วย แมวเมนคูนนั้นเป็นหนึ่งในแมวเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่า แมวเมนคูนนั้นเกิดจากการผสมกันระหว่างแมวและแร็คคูน ซึ่งแน่นอนว่าในทางชีววิทยานั้น มันเป็นไปไม่ได้ จริงๆแล้วมันน่าจะได้ชื่อของมันมาจากชื่อมลรัฐ เมน (ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของมัน) ในสหรัฐอเมริกาและหางขนาดใหญ่ที่เหมือนกับหางแร็คคูนมากกว่า เลยเป็นที่มาว่า ทำไมจึงเรียกพวกมันว่า เมนคูน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่าเจ้าเหมียวเมนคูนเนี่ย เป็นผลผลิตมาจากการส่งแมวฝรั่งเศสขนยาว ซึ่งเคยเป็นของพระนางอังรีอองตัวเน็ตมาก่อน ไปที่สหรัฐอเมริกาในช่วงที่พระนางวางแผนจะหลบหนีจากการปฏิวัติ แต่ไม่ว่ามันจะมีที่มาที่ไปยังไงก็ตาม คนอเมริกาในปัจจุบันก็มองว่า แมวเมนคูน เป็นแมวสัญชาติเดียวกับพวกเขาไปเสียแล้ว ปกติแล้วแมวเมนคูนเป็นสัตว์อารมณ์ดีและยังติดตลกด้วย ถ้าอยากจะพิสูจน์สุภาษิตที่ว่า “ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวมาแล้ว” ล่ะก็ มาพิสูจน์กับน้องเหมียวเมนคูนได้เลย เพราะมันอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาดมากและชอบอยู่กับผู้คน จึงเหมาะมากที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน แต่จะดียิ่งกว่าเพราะคุณจะได้เพื่อนที่จะอยู่ด้วยไปชั่วชีวิต แมวเมนคูนมีหน้าอกกว้างและร่างกายที่กำยำ ตัวเมียปกติแล้วจะหนักได้ถึง 6 กก. และตัวผู้ 8 กก. แต่ก็มีตัวผู้บางตัวหนักถึง 13 กก. โดยที่ไม่ได้ตัวอ้วนเลย แน่นอนว่าสิ่งที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดสำหรับแมวสายพันธุ์นี้ก็คือ หางของมันที่ยาวและเต็มไปด้วยขนที่ปลิวไสว แมวพันธุ์นี้ชอบอยู่กับผู้คน ดังนั้นอย่าลืมว่าต้องมีคนคอยอยู่กับมันด้วยนะ แมวพันธุ์นี้เหมาะแก่การเลี้ยงในครอบครัว และชื่นชอบการได้ไป “เที่ยวเล่น” กับคนในบ้าน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปเอ็นเทอร์เทนมันตลอดหรอกนะ

แมงซ์ (Manx)



แมวแมงซ์เป็นแมวที่ไม่มีหางและแตกต่างจากแมวเกือบทุกชนิดตรงที่มันไม่มีหางและรูปร่างโดยรวมของมันก็ค่อนข้างแตกต่างออกไปเพราะพวกมันมีขาหลังยาวกว่าแมวปกติ แมวสายพันธุ์นี้วิ่งเหมือนกับกระต่าย ซึ่งดูๆแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว เหตุผลที่แมวสายพันธุ์นี้ไม่มีหางนั้นก็เนื่องมาจากยีนเด่นที่เกิดการกลายพันธุ์เมื่อนานมาแล้วซึ่งเป็นผลมาจากการที่พวกมันอาศัยอยู่แค่บนเกาะไอล์ออฟแมน (Isle of Man) ซึ่งทำให้มันเกิดการผสมพันธ์ในสายพันธุ์เดียวกันอย่างต่อเนื่อง ยีนที่เกิดการกลายพันธุ์นั้นส่งผลให้เกิดกระดูกสันหลังที่ผิดรูปผิดร่าง ซึ่งส่งผลไปถึงแมวรุ่นอื่นๆด้วย ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ แมวเหล่านั้นก็เลยสูญเสียหางไป แต่ที่เกาะไอล์ออฟแมนนั้น ผู้คนต่างมองว่าพวกมันเป็นแมวที่แสนวิเศษ แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นระดับทีมชาติเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่อาศัยอยู่บนเกาะนั้นก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะพวกมันก็เป็นแมวพิเศษที่มีความเป็นเอกลักษณ์จริงๆ เจ้าแมวอารมณ์ดีเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย ตาม “ปริมาณหาง” ที่มันมี ได้แก่ “รัมปี้ (Rumpy)” “รัมปี้ ไรเซอร์ (Rumpy-riser)” “สตัมปี้ (Stumpies)” และ “ลองจี้ (Longy)” เจ้ารัมปี้นั้น ก็คือแมวแมงซ์ที่ไม่มีหางเลย ในขณะที่เจ้ารัมปี้ไรเซอร์นั้นมีหางกระจุกเหมือนลูกบิดประตู เจ้าสตัมปี้มีหางเหมือนตอไม้ ส่วนเจ้าลองจี้นั้นมีหางที่ดูคล้ายกับแมวปกติทั่วไป แมวสายพันธุ์นี้มีร่างกายกำยำ แข็งแกร่ง มีขนสองชั้นหลายสีที่เงางาม และยังมีขนนุ่มซ้อนอยู่ข้างใต้อีกชั้นหนึ่ง แมวแมงซ์นั้นเป็นแมวที่เป็นมิตรและกระตือรือร้น เหมาะแก่การเลี้ยงไว้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง หากดูแลพวกมันได้อย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ เหมียวแมงซ์ก็พร้อมจะมอบความรักกลับคืนให้เจ้าของของพวกมันหลายเท่าเลยทีเดียว ถ้าคุณกำลังมองหาแมวอยู่ แล้วเผลอมองข้ามสายพันธุ์นี้ไปล่ะก็ บอกได้เลยว่าคุณพลาดครั้งใหญ่แล้วล่ะ

นอร์วีเจียนฟอเรสต์ (Norwegian Forest Cat)



แมวนอร์วีเจียน ฟอเรสต์นั้นเป็นแมวสายพันธุ์โบราณที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศนอร์เวย์เมื่อกว่า 500 ที่แล้ว บางคนยังเชื่อกันว่าแมวสายพันธุ์นี้น่าจะมีมายิ่งกว่า 2000 ปีเสียอีก เจ้าแมวแสนสวยพันธุ์นี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม เวจีย์ (Wegie) นอร์สคอร์กกัต (Norskogkatt) สก็อกกัต (Skogkatt) หรือ นอร์สโกกัต (Norskskaukatt) ซึ่งว่ากันว่า ตามตำนานของชาวนอร์สนั้น แมวสายพันธุ์นี้เป็นผู้สืบเชื้อสายของเหล่าบรรดาแมวเทพ และก็ยังเป็นไปได้ว่า บรรพบุรุษของแมวสก็อกกัต (Skogkatt) นั้นก็คือแมวสายพันธุ์ตุรกีขนยาว (Turkish longhairs) เนื่องจากจักรพรรดิแห่งไบเซ็นไทน์หลายพระองค์จะมีผู้คุ้มกันที่มาจากสแกนดิเนเวียนั่นเอง นับแต่นั้นเป็นต้นมาแมวเหล่านี้ก็ถูกเลี้ยงตามทุ่งนาอยู่กลางแจ้งและคอยหาที่หลบฝนตามที่มันจะหาได้ จึงเป็นไปได้ว่าแมวสก็อกกัตนั้นได้วิวัฒนาการตัวเองขึ้นมาเพราะมันได้ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่โลดโผนแบบนี้เป็นอย่างดี สมาคมผู้ชื่นชอบแมวแห่งประเทศนอร์เวย์ ( The Cat Fancy Association of Norway) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1934 นั้น ได้พิจารณาให้แมวสก็อกกัตเป็นแมวสายพันธ์พิเศษในปี 1938 จากนั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พวกกิจกรรมโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการจำแนกสายพันธุ์แมวนั้นได้ถูกหยุดไป ซึ่งก็ทำให้เจ้าแมวสก็อกกัตนี้เกือบจะถูกลืมไปเสียแล้ว แต่แล้วในช่วงต้นยุคปี 70 กลุ่มผู้ชื่นชอบแมวก็ได้ริเริ่มโครงการเพาะพันธุ์แมวอย่างจริงจัง ในเดือนธันวาคม ปี 1975 เหล่านักผสมพันธุ์แมวชาวนอร์เวย์ ก็ได้จัดตั้ง ชมรมแมวนอร์วีเจียนฟอเรสต์ขึ้น (Norsk Skogkattring) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาแมวสายพันธุ์นี้เอาไว้ และความพยายามของพวกเขาก็เป็นผลสำเร็จเพราะในปี 1976 แมวสายพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ รูปแบบโดยทั่วไปของแมวสก็อกกัตนั้นเป็นแมวที่มีลายสีน้ำตาลหรือสีเทา ถึงแม้ว่าขนที่มีลักษณะกึ่งยาวกึ่งสั้นของมันจะต้องได้รับการแปรงบ้างเป็นบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่ขนของมันก็ไม่ค่อยต้องดูแลอะไรมากนัก แต่ก็ต้องคอยหมั่นเอาพวกกิ่งไม้หรืออะไรที่ติดตามขนของมันออกอยู่เรื่อยๆ และแม้ว่าแมวตัวนี้จะถูกมองว่ามันเป็นแมวที่ “ถึก” แต่พวกมันก็มีด้านที่อ่อนโยนและยังขี้เล่น มีชีวิตชีวาและน่ารักอีกด้วย นอกจากนี้พวกมันยังมีนิสัยอ่อนโยนและรักเจ้าของโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอาศัยในบ้านร่วมกับผู้คนได้ไม่มีปัญหา ตราบใดที่พวกมันมีของเล่น สถานที่ให้มันปีนเล่น และที่ลับเล็บให้พวกมัน แมวนอร์วีเจียนฟอเรสต์เข้ากับแมวสายพันธุ์อื่นๆ และสุนัขได้ดี และยังชื่นชอบเด็กๆเป็นพิเศษอีกด้วย แมวที่แสนฉลาด กระตือรือร้น และมีชีวิตชีวาสายพันธุ์นี้จึงเป็นแมวที่สวยงามและน่าสนใจสำหรับหลายๆคน

อ็อกซิแคต (Ocicat)



แมวสายพันธุ์อเมริกันขนสั้นนั้นเป็นเพียงแมวเลี้ยงลายจุดสายพันธุ์เดียวที่ถูกเลือกสำหรับเพราะพันธุ์เพื่อ “เลียนแบบ” แมวป่า แมวอ็อกซิแคตนั้นเป็นแมวขนาดใหญ่ที่กระตือรือร้น และมีร่างกายที่แข็งแรง กำยำ มีขนแน่นสั้นเงางามแบบผ้าซาตินที่เผยให้เห็นลายจุดของมันอย่างชัดเจน ในปี 1964 นั้น ได้เกิดแมวอ็อกซิแคตในยุคแรกขึ้นซึ่งเป็นผลผลิตที่ไม่คาดคิดจากการทดลองผสมพันธุ์เพื่อผลิตแมวสยามที่มีลักษณะแบบ Aby-point แต่เจ้าลูกแมวสีงาช้างลายจุดสีทองที่ได้ออกมาแทนนั้นก็สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง และพวกมันก็ได้ชื่อนี้มาเพราะมีรูปร่างคล้ายกับเสือดาวพันธุ์หนึ่ง แมวพันธุ์นี้กลายมาเป็นที่รักใคร่ของผู้พบเห็นในทันที และก็มีการผสมพันธุ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้แมวสายพันธุ์นี้มา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการผสมพันธุ์แมวเลี้ยงแล้วได้เป็นแมวที่มีลายจุดสวยงามแบบแมวป่าในขณะที่ยังมีนิสัยน่ารัก อ่อนโยนแบบแมวเลี้ยงมาก่อน แม้ว่าแมวอ็อกซิแคตจะดูดุเหมือนแมวป่า แต่ที่จริงมันมีนิสัยที่ไม่ดุร้ายเลยและยังชื่นชอบผู้คนมากอีกด้วย พวกมันค่อนข้างฉลาดและฝึกง่าย แมวอ็อกซิแคตหลายตัวสามารถฝึกให้ไปคาบของมา หรือเดินโดยมีสายคล้อง หรือตอบสนองต่อคำสั่ง และปรับตัวเข้ากับกฏระเบียบในบ้านได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าด้วยความที่พวกมันเป็นสัตว์ที่โดยธรรมชาติชอบเข้าสังคม แมวพันธุ์นี้จึงไม่เหมาะที่จะปล่อยให้อยู่ตัวเดียวเป็นระยะเวลานาน แต่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในบ้านที่มีแมวหรือสุนัขตัวอื่นไว้อยู่แล้ว แม้ว่าแมวอ็อกซิแคตจะเป็นแมวที่ดูแปลกใหม่ แต่มันก็เลี้ยงง่าย และไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ สำหรับอาหารการกินนั้นก็เหมือนกับแมวสายพันธุ์อื่นๆ และก็ไม่ต้องทำอะไรกับขนสั้นของมันมาก นอกจากอาบน้ำและตัดแต่งขนเป็นครั้งเป็นคราว พวกมันไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสุขภาพเท่าไหร่ และพื้นเพทางพันธุกรรมของมันก็ทำให้มันเป็นสัตว์ที่มีพลังและชีวิตชีวาเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

โอเรียนทัลขนสั้น (Oriental Shorthair)



แมวโอเรียนทัลขนสั้นนั้นเป็นแมวที่ทั้งอยากรู้อยากเห็นและมั่นอกมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเป็นเหมือนกับ “เครื่องมอบความสุข” และของขวัญชิ้นพิเศษที่มีอยู่ในบ้าน แมวสายพันธุ์นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความเฉลียวฉลาด และยังว่องไวแต่ก็ไม่ลืมที่จะทำให้ทุกๆคนที่ได้พบเจอหลงรัก! นอกจากจะเป็นแมวที่แสนจะมั่นใจในตัวเองแล้ว แมวโอเร็นทัลขนสั้นยังชอบอยู่ร่วมกับผู้คนในครอบครัวและชอบร่วมกิจกรรมประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นในสวนหรือนั่งดูโทรทัศน์รายการโปรดบนตักคุณ แมวสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นในช่วงปี 1960 จากการผสมพันธุ์กันระหว่างแมวสยามและแมวบริติช ยูโรเปียน และอเมริกันขนสั้น ดังนั้นแมวสายพันธุ์นี้จึงมีลักษณะต่างๆของแมวสยาม บุคลิกนิสัยของพวกนั้นก็คล้ายกับแมวสยาม ดังนั้นพวกมันจึงมีนิสัยชอบเป็นจุดสนใจ เป็นมิตร และก็ชอบเอาใจใส่ต่อสิ่งต่างๆเป็นอย่างมาก น้องเหมียวพวกนี้ยังช่าง “พูด” อีกด้วยแต่พวกมันจะไม่ค่อยเสียงดังเหมือนกับเหล่าญาติๆแมวสยามของพวกมัน น้องเหมียวเหล่านี้ยังชอบอยู่ร่วมกับผู้คน และไม่ชอบถูกปล่อยให้อยู่ลำพังอีกด้วย พวกมันจะชอบวิ่งเข้าไปทักทายเจ้าของของพวกมันพอกลับมาถึงบ้าน ดังนั้นแล้ว อย่าลืมสนใจมันบ้างก่อนที่คุณจะไปทำอย่างอื่นล่ะ

เปอร์เซีย (Persian)



แมวเปอร์เซียเป็นที่รู้จักกันทั้งในเรื่องนิสัยที่อ่อนโยน เงียบสงบและขนที่ยาวสวยงามของมัน แมวเปอร์เซียนั้นเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศออสเตรเลียสายพันธุ์หนึ่ง และยังไปถูกนำไปแสดงในงานแสดงแมวต่างๆมากว่า 100 ปี น้องเหมียวสายพันธุ์นี้มาพร้อมกับสีสันและลายขนที่หลากหลาย เช่น สีช็อกโกแลต สีฟ้า สีดำ สีกระดองเต่า สีไลลัก สีครีม สีเทาควัน และสีลายน้ำตาล (tabby) แมวเปอร์เซียนั้นเหมาะแก่การเลี้ยงภายในบ้านเพราะจะช่วยให้ขนของมันอยู่ในสภาพดีตลอดเวลา โดยปกติแล้ว พวกมันมีนิสัยเงียบสงบและรักเจ้าของ และยังปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี แต่พวกมันไม่ชอบให้ใครมาหยอกเล่นบ่อยๆ ดังนั้นจึงน่าจะเหมาะกับบ้านที่มีแต่ผู้ใหญ่หรือมีเด็กที่ไม่ซุกซนมากนัก คนที่คิดจะเลี้ยงแมวเปอร์เซียนั้นต้องเตรียมพร้อมที่จะใช้เวลาแปรงขนให้มันอย่างน้อยวันละครั้ง แมวสายพันธุ์นี้จึงเป็นสายพันธุ์ที่ต้องการได้รับการดูแลมาก ดังนั้นเจ้าของจึงต้องคอยสอดส่องชีวิตความเป็นอยู่และความสะดวกสบายของมัน ถ้าหากว่าขนของมันไม่ค่อยได้รับการดูแล ก็จะพันกันยุ่งเหยิงซึ่งต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาช่วยแก้ปัญหา แมวเปอร์เซียจะผลัดขนครั้งใหญ่สองครั้งต่อปี แต่ขนของมันก็ร่วงอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งปี

แร็กดอลล์ (Ragdoll)



ถ้าคุณกำลังมองหาแมวที่สบายๆและน่ารักมากๆอยู่ล่ะก็ แมวแร็กดอลล์นั้นเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ! น้องเหมียวแร็กดอลล์นั้นค่อนข้างเงียบ อ่อนโยน และมีนิสัยสบายๆ พวกมันมีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา ชื่อของมันก็บอกแล้ว ว่าพวกมันเป็นแมวที่แสนจะมีนิสัยสบายๆซะเหลือเกิน แล้วก็ชื่นชอบการได้กลิ้งตัวไปมาบนอ้อมแขนของคุณเหมือนกับตุ๊กตาผ้า มีหลายทฤษฎีที่มาอธิบายว่าเจ้าแมวสายพันธุ์นี้มาจากไหน แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าต้นกำเนิดของมันนั้นมีส่วนสัมพันธ์กับแมวเปอร์เชียคัลเลอร์พอยท์ (Colourpoint Persians) แมวเบอร์แมนและแมวสยาม แต่ไม่ว่าแมวสายพันธุ์นี้จะมาจากที่ไหน มันก็เป็นแมวเงียบสงบที่ชอบอยู่กับผู้คน โดยรูปร่างแล้ว พวกมันมีไหล่กว้างยาวที่กำยำ และมีขาที่แข็งแรง กะโหลกขนาดใหญ่ พร้อมแก้มรูปร่างกลมและดวงตากลมรีสีฟ้ากับใบหน้าที่อ่อนหวาน ขนยาวปานกลางที่สวยงามของมันนั้นจะไม่พันกันยุ่งและยังมีลักษณะขนที่อ่อนนุ่มเหมือนกับขนกระต่ายอีกด้วย พวกมันมีหางรูปร่างหนาและเป็นพุ่มๆ และยังมีขนที่แผงคอและขนที่ยาวยิ่งขึ้นที่บริเวณส่วนหลัง แมวแร็กดอลล์นั้นชื่นชอบการอยู่ร่วมกับผู้คนเป็นอย่างมาก และชอบเดินตามเจ้าของแบบเดียวกับลูกสุนัข พวกมันยังชอบมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆในบ้านในแต่ละวัน แต่ระวังนะ เพราะพวกมันจะดูจ๋อยไปเลย ถ้าคุณไม่ยอมทักมันตอนที่คุณกลับถึงบ้านในแต่ละวัน ถ้าคุณมองแล้วว่า แมวสายพันธุ์นี้แหล่ะ คือแมวที่คุณถูกใจ ก็เตรียมพร้อมที่จะแปรงขนของมันให้บ่อยๆ และก็อย่าลืมสร้างสถานที่ให้พวกมันได้วิ่งเล่น สำรวจไปมา หรือเดินไปทั่วตามใจชอบ

รัสเซียนบลู



นักผสมพันธุ์แมวหลายคนเชื่อว่าแมวรัสเซียนบลูนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากท่าเรือบอลติกที่อยู่บริเวณอาร์คแองเจิล ใกล้กับเส้นอาร์กติก เซอร์เคิล และถูกพามาที่ประเทศอังกฤษผ่านเรือสินค้าต่างๆ แมวสายพันธุ์นี้ถูกนำมาแสดงอย่างกว้างขวางในประเทศอังกฤษในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่น พวกมันก็มักจะถูกนำมาแสดงร่วมกับแมวขนสั้นสีฟ้าตัวอื่นๆ ที่มีชื่อที่แตกต่างกันไป เช่น ฟอเรนบลู หรือ อาร์คแองเจิล เมื่อบรรดาแมวถูกนำมาแสดงเป็นครั้งแรกนั้น แหล่าแมวขนสั้นสีฟ้าต่างๆนั้นถูกจัดให้แข่งขันกันอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็ตาม ในปี 1912 แมวรัสเชียนบลูนั้นถูกจัดให้แข่งขันในกลุ่มแยกออกมาอีกหนึ่งกลุ่มเลย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นแมวสายพันธุ์นี้เกือบจะสูญพันธุ์ไป แต่ก็ได้รับการช่วยรักษาปริมาณของมันเอาไว้ด้วยการนำไปผสมพันธุ์กับแมวสยาม แต่สุดท้ายบรรดานักผสมพันธุ์ก็ได้ร่วมมือกันที่จะทำให้แมวรัสเซียนบลูนั้นกลับมามีลักษณะดั้งเดิมแบบช่วงก่อนสงคราม และในปี 1965 นั้น มาตรฐานในการแสดงแมวก็ได้กำหนดไว้ว่าแมวรัสเซียนบลูที่มีลักษณะของแมวสยามนั้นถือว่าเป็นแมวที่มีลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ทุกๆวันนี้ แมวรัสเซียนบลูที่มีขนที่งดงาม ดวงตาสีเขียวเป็นประกายและท่วงท่าที่สง่างามนั้นถูกนำไปเชือมโยงกับสัญลักษณ์ของความเป็นเชื้อพระวงศ์ ซึ่งที่น่าสนใจคือ ในอดีตพวกมันต่างก็เป็นที่ปรารถนาของเหล่าบรรดาซาร์ (Tsars) และขุนนางอีกด้วย บรรดาแมวรัสเซียนบลูที่สวยงามนั้นมักจะมีท่วงท่าที่ดูหยิ่งผยองแต่ก็แฝงไว้ซึ่งจิตใจที่อ่อนโยน แมวรัสเซียนบลูของออสเตรเลียนั้นถูกนำมาผสมพันธุ์ให้มีลักษณะมาตรฐานที่เหมือนกับแมวรัสเซียนบลูในประเทศอังกฤษแต่จะแตกต่างอย่างมากกับแมวรัสเซียนบลูในสหรัฐอเมริกา แมวรัสเซียนบลูนั้นมีขนสองชั้น ซึ่งแตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นๆ ตรงที่ขนที่สั้น หนา สวยงามของมันนั้นทำให้เห็นขนสองขั้นของมันได้อย่างเด่นชัด และลำตัวที่มีสีฟ้าใสก็ทำให้ตัวมันนั้นมีสีเงินเงาแวววาวซึ่งยิ่งทำให้มันดูสง่างามยิ่งขึ้นไปอีก เหล่าแมวรัสเซียนบลูที่ดูสง่างามและทรงพลังนี้ไม่ใช่แมวที่ดุดันแต่อย่างใด ซึ่งทำให้พวกมันเหมาะที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเข้ากับคนอื่นในบ้านได้ดี ไม่ว่าจะเป็นผู้คนหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ หากพวกมันได้รับการดูแลและการเคารพเป็นอย่างดี

สก็อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)



แมวสก็อตติชโฟลด์นั้นเป็นแมวที่มีรูปร่างหน้าตาในแบบฉบับของตัวเองอย่างแท้จริง จริงๆแล้วเนี่ย ใบหูที่แนบชิดกับหัวกลมแบนของมันทำให้น้องเหมียวที่ดูอ่อนหวานดูราวกับว่ามัน “กำลังใส่” หมวกกันน็อคอยู่เลย แมวสก็อตติชโฟลด์ตัวแรกนั้นเกิดขึ้นในฟาร์มที่สก็อตแลนด์ในปี 1961 แต่หลังจากนั้นมันก็ถูกนำไปผสมพันธุ์กับแมวบริติชขนสั้นเพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นแมวขนาดกลางที่มีดวงตากลมโตและใบหูที่แนบชิด น้องเหมียวสายพันธุ์นี้ยังมีหนวดที่โดดเด่นที่ทำให้มันดูเหมือนว่ากำลัง “ยิ้ม” อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นอะไรที่เจ้าเหมียวที่แสนจะเป็นมิตรนี้คงทำอยู่แล้วถ้ามันทำได้ นอกจากนี้ แมวสายพันธุ์นี้ยังชอบนอนหงายหลังซึ่งต่างจากแมวพันธุ์อื่นๆอีกด้วย โดยปกติแล้วน้องเหมียวสก็อตติชโฟลด์เป็นสัตว์ที่อ่อนโยนและชอบอยู่ร่วมกับผู้คนและยังชอบเป็นคนกำกับกิจกรรมต่างๆในบ้านอีกด้วย ทว่า เจ้าเหมียวที่แสนจะน่ารักสายพันธุ์นี้ไม่ชอบอยู่ตัวคนเดียวเสียเท่าไหร่ จึงไม่ควรปล่อยมันไว้ลำพังนานนัก หากใครจะเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้แต่จะไม่ได้อยู่บ้านบ่อยๆ ก็ควรเลี้ยงแมวสก็อตติชโฟลด์ไว้สองตัวให้มันได้อยู่เป็นเพื่อนกัน ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย การมีแมวสายพันธุ์นี้สองตัวก็หมายความว่าคุณจะได้ความรักจากพวกมันเพิ่มเป็นสองเท่ายังไงล่ะ

สยาม (Siamese)



เจ้าสิ่งมีชีวิตที่แสนจะงดงามนี้ น่าจะเป็นสายพันธุ์แมวที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด เจ้าเหมียวแสนฉลาดสายพันธุ์นี้มีดวงตาสีฟ้าที่ดูลึกซึ้งและโดดเด่น และเป็นที่รู้จักในประเทศถิ่นกำเนิดของมันมาหลายร้อยปีในฐานะ “แมวเชื้อพระวงศ์แห่งสยาม” ถึงแม้ว่าจะมืทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของแมวสยามมากมายนั้น แต่บรรดานักผสมพันธุ์แมวในปัจจุบันเชื่อกันว่าพวกมันมีถิ่นกำเนิดมาจากอาณาจักรอยุธยาโบราณซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1350 โดยที่เป็นเมืองหลวงของสยามจนกระทั่งล่มสลายไปจากการรุกรานของชาวพม่าในปี 1767 โดยดั้งเดิมแล้ว แมวสยามนั้นจะอาศัยอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์อื่นๆ และคนที่จะเป็นคนเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้ได้นั้นจะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์เท่านั้น นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า แมวสายพันธุ์นี้มี “พลังวิเศษ” อีกด้วย น้องเหมียวสยามที่สวยงามนี้ไปปรากฎตัวครั้งแรกในประเทศออสเตรเลียในช่วงปี 1890 และทุกวันนี้พวกมันก็เป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง แมวสยามทุกๆวันนี้แตกต่างจากแมวสยามเมื่อหลายปีก่อน ทุกวันนี้ แมวสยามมีรูปร่างเพรียวยาว มีหัวยาวและใบหูขนาดใหญ่ พวกมันมีขนสั้นแบนราบและมีจุดสีเข้มอยู่ที่บริเวณใบหน้า ใบหู หาง ขาและเท้า พวกมันอาจจะมีสีครีม สีไลลัก สีคาราเมล สีเทาแกมเหลือง หรือสีเหลืองส้มแบบลูกแอปริคอท แม้ว่าเจ้าเหมียวที่แสนฉลาดนี้จะชอบอยู่ร่วมกับผู้คนและเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนวิเศษ แต่คนที่เลี้ยงก็จะบอกได้เลยว่าเวลาพวกมันต้องการอะไรสักอย่างล่ะก็ พวกมันจะต้องการสิ่งนั้นเดี๋ยวนั้นเลย! ถ้าคุณสามารถตอบสนองต่อความต้องการของพวกมันได้อย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ พวกมันก็จะเป็นแมวที่น่ารักที่สุดสายพันธุ์หนึ่งที่คุณจะอยากได้มาไว้บนตักคุณเลยล่ะ … และพวกมันก็คงจะขึ้นมานั่งบนตักคุณทันทีที่มีโอกาสอยู่แล้ว

ไซบีเรียนฟอเรสต์ (Siberian Forest Cat)



น้องเหมียวไซบีเรียนที่แสนจะโดดเด่นนี้เป็นที่รักใคร่ของผู้คนทั่วโลกและถูกจัดให้เป็นแมวประจำชาติของประเทศรัสเซีย ถึงแม้ว่าประวัติความเป็นมาของมันจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าพวกมันเป็นที่รักใคร่ของบรรดาผู้ชื่นชอบแมวมาเกือบ 1,000 ปีแล้ว พวกมันไปเยือนประเทศออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในปี 2003 แมวไซบีเรียนนั้นเป็นแมวที่แข็งแรง ขนาดใหญ่และอาจใช้เวลาถึง 5 ปีในการโตเต็มวัย แมวสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นในเรื่องของความคล่องแคล่ว ว่องไว และกล้ามเนื้อทรงพลังที่ทำให้มันสามารถกระโดดได้ไกล ขนยาวของมันนั้นนับได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมันเลยล่ะ ซึ่งก็จะมีหลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็น สีลายน้ำตาลเทา สีเดียวล้วน หรือสีกระดองเต่า แมวไซบีเรียนนี้เป็นสัตว์ที่ฉลาดและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมาก พวกมันมักจะชอบมาทักทายเจ้าของที่หน้าประตูบ้านเวลาที่กลับมาบ้าน พวกมันมีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งยิ่งทำให้พวกมันมีคุณสมบัติที่น่ารักยิ่งเข้าไปใหญ่ แต่คุณก็ควรนึกถึงเรื่องที่ไม่คาดคิดไว้ได้เลยเวลาอยู่ร่วมบ้านกับเจ้าแมวไซบีเรียนนี้ พวกมันชอบเล่นน้ำ และเป็นที่รู้กันว่าพวกมันชอบโยนของเล่นต่างๆลงไปในอ่างล้างหน้าเปล่าๆ หรือลงไปในน้ำ แมวสายพันธุ์นี้ยังไม่เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ปกติทั่วไปนักในประเทศออสเตรเลีย แต่คุณก็สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับน้องเหมียวแสนสวยสายพันธุ์นี้เพิ่มเติมได้ในข้อมูลสำหรับนักผสมพันธุ์แมวที่ลิสต์ไว้ข้างล่างนี้

สิงหปุระ (Singapura)



ตามท้องถนนในประเทศสิงคโปร์นั้น ถือได้ว่าเป็นถิ่นกำเนิดของแมวสายพันธุ์ที่แสนวิเศษสายพันธุ์นี้ ชื่อของมัน สิงหปุระ นั้นเป็นคำที่คนมาเลเซียใช้เรียกประเทศสิงคโปร์ แมวสิงหปุระนั้นมีลวดลายที่ผสมผสานกันระหว่างลายเส้น (ticked-coat) และสีน้ำตาลเข้มของสายพันธุ์แมวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปัจจุบันนี้ การพัฒนาแมวสายพันธุ์นี้อย่างระมัดระวังได้ทำให้เกิดความหลากหลายของแมวตระกูลนี้เพิ่มขึ้นแต่ก็ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่เป็นที่ต้องการอยู่ น้องเหมียวสายพันธุ์นี้สามารถพบได้ในเกือบทุกประเทศในโลก บางครั้งเจ้าของของมันก็ชอบมองว่ามันเป็น “เจ้าเหมียวชอบวางอำนาจ” พวกมันชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น ช่างอยากรู้อยากเห็น และยังขี้เล่นมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะพวกมันไม่ทำลายข้าวของ อย่างน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจทำลายข้าวของ พวกมันเป็นแมวที่ฉลาดและชอบเล่นกับผู้คนและเป็นเพื่อน “ร่วมทุกข์ร่วมสุข” ได้อย่างดีเยี่ยม แมวสิงหปุระนั้นมีขนาดเล็ก ขนสั้น และดวงตาสีน้ำตาลทอง สีเขียว หรือสีเหลืองขนาดใหญ่ สีขนของมันนั้นค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์และดูเหมือนเสือภูเขา หางของมันมีความยาวปกติ และค่อนข้างแข็งแรงเลยทีเดียว ถ้าคุณกำลังมองหาน้องเหมียวที่ไว้ใจได้ล่ะก็ แมวสิงหปุระที่งดงาม ขี้เล่น เฉลียวฉลาด และเป็นเอกลักษณ์นี้จะทำให้คุณหลงใหลตั้งแต่วินาทีแรกเลยล่ะ

สโนว์ชู (Snowshoe)



แมวสายพันธุ์สโนว์ชูนั้นค่อนข้างจะเป็นน้องใหม่ในครอบครัวแมวเหมียว ซึ่งถูกพบเจอในครอกลูกแมวสยามพันธุ์แท้ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของแมวสโนว์ชูที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ นักผสมพันธุ์แมวหลายคนเห็นตรงกันว่าแมวสโนว์ชูนี้มีอดีตร่วมกันกับแมวสยามและแมวเบอร์แมน แต่ทุกวันนี้แมวสโนว์ชูนั้นนับว่าเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งอย่างสิ้นเชิง ในตอนแรกได้มีการพยายามในการสร้างแมวสายพันธุ์สยามที่มีอุ้งเท้าสีขาวในช่วงปียุค 50 โดยใข้ชื่อว่าแมวซิลเวอร์เลซ (Silver Laces) แต่ก็ล้มเลิกไปในเวลาไม่นานนักและไม่ได้มีการสานต่อจนกระทั่งในช่วงปียุค 60 ซึ่งเป็นช่วงที่ โดโรธี ฮินดส์ ดอร์เฮอร์ธี (Dorothy Hinds-Daugherty) นักผสมพันธุ์แมวสยามชาวฟิลาเดลเฟียได้ตัดสินใจพัฒนาสายพันธุ์แมวสยามให้เป็นแมวสโนว์ชูที่มีอุ้งเท้าสีขาวในแบบทุกวันนี้ ซึ่งจากการที่มีนักผสมพันธุ์แมวให้ความสนใจมากขึ้นและได้มีการพัฒนามาตรฐานในการผสมพันธุ์แมวให้ดีขึ้นนั้น ได้ทำให้แมวสโนว์ชูนั้นกลายเป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับการยอมรับอย่างถาวรในปี 1982 ทุกๆวันนี้ แมวสโนว์ชูเป็นแมวที่มีคุณลักษณะแบบกลางๆในทุกๆเรื่อง ยกเว้นลายของมัน ลวดลายของมันได้รับผลกระทบจากการถดถอยทางพันธุกรรม จึงต้องมีมาตราการต่างๆที่เข้มงวดเพื่อจะคงไว้ซึ่งลวดลายของมันเอาไว้ให้เห็นเด่นชัด แมวสโนว์ชูไม่ได้เป็นแค่แมวสยามที่มีสีขาวเท่านั้น รูปร่างของมันนั้นเหมือนกับรูปร่างของแมวในฝั่งตะวันออกหรือแมวต่างชาติทั่วไป และมีต้นแบบมาจากแมวสยามในยุคก่อนหน้า ดวงตาของมันนั้นเป็นส่วนที่โดดเด่น มีลักษณะคล้ายถั่ววอลนัท (ดวงตามีขนาดกลมโตกว่าของแมวสยาม แต่ไม่กลมเท่ากับแมวเปอร์เซีย) และมีสีฟ้าเป็นประกาย เจ้าเหมียวสุดพิเศษนี้เรียกได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นแชมเปี้ยนเลยล่ะ พวกมันกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวาและจะอยากอยู่กับคุณตลอดเวลา ดังนั้นพวกมันจึงชอบขดตัวอยู่บนตักของคุณมากกว่าไปนอนบนเตียงแมวที่ดีที่สุดเสียอีก แต่บางครั้งพวกมันก็อาจจะเขินอายกับคนแปลกหน้าเสียหน่อยและไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็เป็นแมวที่ใส่ใจกับทุกๆสมาชิกในครอบครัวเลยล่ะ รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆในบ้านด้วย พวกมันยังเฉลียวฉลาดมาก และสอนพวกเกมส์หรือฝึกทักษะพื้นฐานต่างๆได้ง่าย ดังนั้นถ้าคุณกำลังมองหาแมวเหมียวที่ชอบเล่นสนุกมากๆล่ะก็ แมวสโนว์ชูน่าจะเหมาะกับคุณที่สุดแล้วล่ะ

โซมาลี (Somali)



แมวโซมาลีนั้นเป็นแมวขนาดกลางที่สง่างาม กระฉับกระเฉง และมีร่างกายกำยำ เพียบพร้อมด้วยขนที่สวยงามและหางฟูๆเหมือนกับหางสุนัขจิ้งจอก ปกติแล้วแมวโซมาลีจะต้องได้รับการตกแต่งขนอยู่เป็นประจำเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่ลักษณะขนที่คล้ายกับใยไหมของมันนั้นจะไม่ค่อยพันกันยุ่งเหมือนกับขนของแมวเปอร์เซีย แมวโซมาลีเป็นแมวที่มีขนแบบกึ่งสั้นกึ่งยาวและมีสี่สีพื้นฐาน ได้แก่ สีน้ำตาลแดงอ่อนซินนามอน สีน้ำตาลปนเหลือง สีฟ้า และสีน้ำตาลอ่อน และมีแนวยาวเป็นสีเงิน ในขนแต่ละเส้นของมันนั้นก็จะมีลวดลายสีดำหรือน้ำตาลช็อคโกแลตซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะพัฒนาขึ้นมาเต็มที่ ลูกแมวโซมาลีนั้นจะมีขนสีเข้มตอนเกิดมาและจะมีลวดลายครบถ้วนสมบูรณ์ก็ตอนที่พวกมันมีอายุ 18 เดือน น้องเหมียวโซมาลีเป็นแมวที่น่าหลงใหลและรักสนุก มีดวงตารูปทรงถั่วอัลมอนด์ที่แสดงอารมณ์อย่างชัดเจน นอกจากพวกมันจะเป็นเพื่อนเล่นที่ดีให้กับเด็กๆแล้ว พวกมันยังขี้เล่นกระฉับกระเฉง อยากรู้อยากเห็นและชอบอยู่ร่วมกับผู้คนอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว พวกมันมีเสียงนุ่มเบาและไม่ค่อยได้ส่งเสียงเสียเท่าไหร่

สฟิงซ์ (Sphinx)



แมวสฟิงซ์เป็นแมวไร้ขนเพียงสายพันธุ์เดียวในประเทศออสเตรเลีย และเป็นที่รู้จักในประเทศเม็กซิโก ฝรั่งเศสและแคนาดา แมวสฟิงซ์ในปัจจุบันนั้นถูกพัฒนามาจากแมวไร้ขนที่เกิดจากการกลายพันธุ์ในเมืองออนตาริโอ ประเทศแคนาดา เมื่อปี 1966 จริงๆแล้วเนี่ย เจ้าแมวสายพันธุ์นี้มีขน แต่ขนมันสั้นมากๆจนเหมือนหนังกลับ และขนบนใบหน้าของมันนั้นก็ได้รับการบรรยายไว้ว่า “ดูเหมือนกับผ้ากำมะหยี่แต่ให้ความรู้สึกเหมือนต้นมอส” เหมียวไร้ขนนี้เป็นแมวรูปร่างผอมเพรียวและมีหูทรงสามเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยผิวหนังบนหน้าผากที่เหี่ยวย่นและหน้าอกทรงโอ่ง หางของมันยาวและค่อยๆแคบลงไปจนถึงปลาย และไม่ใช่ทุกตัวที่จะมีหนวด แมวสฟิงซ์เป็นสัตว์ที่รักเจ้าของมากและจะเติบโตได้ดีในบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ นอกจากนี้แมวสฟิงซ์ยังเป็นแมวสายพันธุ์เดียวที่มีต่อมเหงื่อ มันจึงไม่หอบเหมือนกับแมวหรือสุนัขตัวอื่นๆ แต่เพราะด้วยความที่พวกมันมีต่อมเหงื่อนี่แหล่ะ จึงทำให้มีของเหลวหลั่งออกมาตามผิวหนังซึ่งทำให้ผิวหนังของมันเปลี่ยนสีไป ดังนั้นจึงควรอาบน้ำให้มันบ้างเป็นบางครั้งเพื่อรักษาขนของมันให้สุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา เจ้าเหมียวที่แสนวิเศษนี้มีรูปร่างขนาดกลางแต่ก็มีตัวค่อนข้างหนักอย่างน่าประหลาดใจถ้าเทียบกับขนาดตัวของมัน หัวของมันนั้นมีลักษณะเป็นทรงรูปลิ่ม มีโหนกแก้มและจุดที่หนวดขึ้นที่โดดเด่น ซึ่งทำให้หน้ามันดูคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส พวกมันยังมีร่างกายที่อุ่นและนุ่ม และมีนิสัยอ่อนโยน มีชีวิตชีวา เฉลียวฉลาดและดูแลง่ายอีกด้วย และพวกมันยังฝึกฝนได้ง่าย และชอบอยู่กับบ้านที่คึกคัก มีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา

ทิฟฟานี (Tiffanie)



แมวทิฟฟานีนั้นเกิดขึ้นในช่วงระหว่างโครงการผสมพันธุ์แมวเบอร์มิลลาซึ่งเป็นการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเบอร์มีสและแมวเปอร์เซียชินชิลล่าในตอนแรก ในปัจจุบันนี้ได้มีสมาคมแมวต่างๆและนักผสมพันธุ์แมวมากมายมุ่งพัฒนาแมวสายพันธุ์นี้ให้มีคุณภาพสูงสุด ดังนั้นเหมียวทิฟฟานี่จึงเป็นแมวที่มีทุกอย่างครบครัน ถ้าคุณอยากได้แมวเหมียวที่ทั้งสวย ฉลาด นิสัยดี และยังมีขนกึ่งสั้นกึ่งยาวที่ดูหรูหราและไม่พันกันยุ่งแล้วล่ะก็ แมวทิฟฟานี่เป็นทางเลือกที่ใช่เลยสำหรับคุณ คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของมันก็คือดวงตาสีเขียวที่น่ามหัศจรรย์และลวดลายที่หลากลายที่ทำให้ดวงตาและริมฝีปากของมันดูมีสเน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก แมวทิฟฟานีนั้นมี ห้าสีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ น้ำตาล ฟ้า ช็อคโกแลต และไลลัก นักผสมพันธุ์แมวส่วนใหญ่นั้นชื่นชมบุคลิกลักษณะนิสัยของมันที่ได้มาจากบรรพบุรุษจากทั้งสองฝ่าย โดยที่บางตัวนั้นก็มีนิสัยแบบสบายๆเหมือนกับแมวชินชิลล่า ในขณะที่บางตัวก็ชอบออกไปโลดโผนและชอบเรียกร้องความสนใจเหมือนกับแมวเบอร์มีส สำหรับครอบครัว คนที่อยู่ในอพาร์ทเมนต์ คู่รักหนุ่มสาว และคนโสด แมวทิฟฟานีถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทุกคนเลยทีเดียว นอกจากนี้ มันยังมีนิสัยเหมือนกับแมวเปอร์เซียที่เป็นบรรพบุรุษของมันอีกด้วย ตรงที่มันชอบนอนบนเตียง และคอยสำรวจตัวเองให้ดูดีอยู่ในกระจกอยู่เสมอ แต่แล้วความเป็นแมวเบอร์มีสของมันก็จะตื่นขึ้นมา และมันก็จะอยากออกไปเล่นอย่างสุดเหวี่ยง แมวทิฟฟานีเป็นแมวที่แสนรู้ และมักจะมารอเด็กๆกลับจากโรงเรียนหรือเจ้าของกลับจากที่ทำงานอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แต่ระวังนะ เพราะมันจะอยากให้คุณกอดมันหรือไม่ก็เล่นกับมันอย่างทันทีทันใดเลยล่ะ โดยปกติแล้ว แมวทิฟฟานีฝึกง่ายมาก ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรมาก และอยู่กับสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ได้ไม่มีปัญหา และถ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ มันจะเป็นเพื่อนคู่ชีวิตของคุณไปอีกนานเลยล่ะ

ท็องกินิส (Tonkinese)



แมวท็องกินิสเป็นแมวที่ไม่เหมือนใครและมีประวัติที่โชกโชน เพราะมันมีถิ่นกำเนิดมาจากอ่าวท็องกิน (Gulf of Tonkin) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของประเทศจีนและทางตะวันออกของเวียดนามเหนือโดยที่ในประวัติศาสตร์ใช้ชื่อว่า ท็องกิน ซึ่งเป็นบริเวณที่ชุกชุมไปด้วยเหล่าโจรสลัดป่าเถื่อนและสภาพอากาศที่เหนียวเหนอะหนะ และที่มาของชื่อแมวสายพันธุ์ท็องกินิส แมวสายพันธุ์นี้เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวเบอร์มีสและแมวสยาม ชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่านั้นเรียกว่า ทาเน็น ท็อง แดน (Tanen Tong Dan) ซึ่งแปลออกมาแล้วมีความหมายว่า ชายแดนทองคำ และด้วยความที่ในภาษาไทยนั้น คำว่า Tong มีความหมายว่า ทอง จริงๆแล้วจึงควรมีอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกแมวตามคำว่า “ท็อง” ว่า แมวสยามสีทอง แต่ไม่ว่ามันจะมีจุดเริ่มต้นมาจากไหนก็ตาม แมวท็องกินิสนั้นก็เป็นแมวที่สุดยอดมากสายพันธุ์หนึ่งและคู่ควรแก่การมีไว้ในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ในประวัติศาสตร์นั้น แมวหลายต่อหลายตัวที่ส่งไปฝั่งประเทศตะวันตกนั้น ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเบอร์มีสหรือแมวสยาม แต่ที่จริงแล้วคือแมวท็องกินิสนั่นเอง แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักเพราะว่าน้องเหมียวทั้งสามสายพันธุ์นี้ก็มีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกันมาก แมวท็องกินิสนั้นปรากฏอยู่ในประเทศฝั่งตะวันตกมาแล้วอย่างน้อย 100 ปี ในช่วงปลายรัชสมัยของพระนางเจ้าวิคตอเรียนั้น แมวที่ตอนแรกถูกเรียกว่า “แมวทองแดง” (แมวเบอร์มีส) นั้นได้ถูกส่งจากประเทศสิงค์โปร์ไปยังนักผสมพันธุ์แมวชาวอังกฤษซึ่งมองว่ามันคือ แมวสยามในรูปแบบสี “ช็อกโกแลต” แมวท็องกินิสนั้นเป็นแมวที่งดงามและชอบประจบประแจงกับทุกๆคนที่พบเจอแม้ว่าจะพึ่งเจอกันได้ไม่นานก็ตาม ในทุกๆวันนี้ เจ้าเหมียวแสนรู้น่ารักสายพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในประเทศออสเตรเลีย ถ้าคุณอยากอยู่ร่วมบ้านกับแมวที่ทั้งสวยงามและอารมณ์ดีแล้วล่ะก็ อย่าได้มองข้ามแมวท็องกินิสไปเชียวล่ะ เพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่มีชีวิตชีวาและอยู่ได้ในเกือบทุกส่วนของประเทศออสเตรเลียโดยไม่ค่อยมีปัญหาใดๆ และพอคุณได้เลี้ยงมันแล้วล่ะก็ มันก็จะเป็นเพื่อนที่แสนอบอุ่นให้กับคุณแบบชนิดที่ว่าคุณจะลืมมันไม่ลงเลยล่ะ

เตอร์กิชแวน (Turkish Van)



แมวเตอร์กิชแวนนั้นเป็นแมวสายพันธุ์โบราณที่หายากและมีจุดเด่นที่ชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ แมวเตอร์กิชแวนหรือ “แมวว่ายน้ำ” นั้นมีถิ่นกำเนิดจากบริเวณรอบๆทะเลสาบแวนในประเทศตุรกี โดยพวกมันได้พัฒนาทักษะการว่ายน้ำ เพื่อที่จะว่ายลงไปในบริเวณอ่าวเพื่อไปอ้อนขออาหารจากเรือตกปลาที่กำลังมาเทียบฝั่ง ทุกๆวันนี้ เราสามารถพบแมวสายพันธุ์นี้จำนวนมากได้ในประเทศอิหร่าน อิรัก ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหภาพโซเวียต และตุรกีตะวันออก พวกมันถูกนำไปที่ประเทศอังกฤษในปี 1955 และถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็น เตอร์กิชแวน เพื่อป้องกันไม่ให้สับสนกับแมวสายพันธุ์เตอร์กิชอังการ่า แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่รูปร่างยาว กำยำ มีอุ้งเท้าที่มีขนเป็นพู่ๆ มีหัวสั้นทรงรูปลิ่มและมีจมูกตรงยาว นอกจากนี้ ด้วยความที่มันเป็นนักว่ายน้ำตัวยง ขนของมันจึงกันน้ำได้ แต่ก็ต้องได้รับการตกแต่งขนบ้าง แม้ว่าน้องเหมียวจะผลัดขนเยอะมากในช่วงฤดูร้อน แต่หางของมันก็จะสวยงามเป็นพุ่มๆไปตลอดทั้งปี นอกจากนี้พวกมันยังชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ และจะมาร่วมกิจกรรมครอบครัวต่างๆที่เกี่ยวกับน้ำอย่างไม่ลังเลเลย ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ ล้างจาน หรือแม้แต่อาบน้ำ! แม้ว่าน้องเหมียวเตอร์กิชแวนจะค่อนข้างขี้อายกับคนแปลกหน้า แต่พวกมันก็รักเจ้าของมาก พวกมันมีเสียงเบา กินได้เยอะ และมีนิสัยแบบสบายๆ ซึ่งทำให้มันปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างง่ายดาย

อ้างอิงจาก https://www.whiskas.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pages